ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับครีมกันแดด

หากนึกถึงแสงแดดก็ต้องไม่ลืมนึกถึง ครีมกันแดด เพราะไม่ใช่แสงแดดทุกช่วงเวลาที่จะให้ประโยชน์และวิตามินกับผิว การได้รับแสงแดดมากจนเกินไป เสี่ยงตั้งแต่ผิวไหม้ ผดผื่นร้อน ลมพิษ และอาจสะสมจนเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นการทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีในแสงแดดจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่…ข้อสำคัญคือต้องใช้ครีมกันแดดให้ถูกวิธี เพื่อให้ผิวหนังได้รับการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมเอา ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับครีมกันแดด  มาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ แต่จะมีความเข้าใจผิดแบบไหน และคุณกำลังทำแบบนั้นอยู่รึเปล่า ไปอ่านกันได้ที่บทความนี้เลย

ครีมกันแดดกับสุขภาพผิว

การทาครีมกันแดดเป็นวิธีในการช่วยดูแลผิวและปกป้องผิวจากรังสีอันตรายจากแสงแดดที่ร้อนระอุ ซึ่งสามารถจะเป็นสาเหตุอันก่อให้เกิดอาการทางสุขภาพผิวไม่ว่าจะเป็น อาการผิวไหม้แดด ไปจนถึงมะเร็งผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารที่มีความสามารถในการป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB จะช่วยปกป้องให้ผิวปลอดภัยจากภาวะอันตรายของแสงแดดได้ ข้อสำคัญคือควรเลือก ครีมกันแดด ที่เหมาะสม และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการดูแลและปกป้องผิวอย่างเต็มที่

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับครีมกันแดด ที่คุณทำโดยไม่รู้ตัว

หลายคนยังมีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับการใช้ครีมกันแดดอยู่มาก ทั้งเป็นเรื่องที่ควรรู้และเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งความเข้าใจผิดเกี่ยวกับครีมกันแดดที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ก็ได้แก่

ครีมกันแดดทุกยี่ห้อเหมือนกัน

ความเข้าใจที่ว่าครีมกันแดดทุกชนิดเหมือนกันนั้น นับว่าเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะครีมกันแดดแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างและทำหน้าที่ต่างกันด้วย โดยความแตกต่างหลัก ๆ ของครีมกันแดดที่รู้กันโดยทั่วไปคือ ครีมกันแดดแบบเคมีคัล (Chemical sunscreen) และครีมกันแดดแบบฟิสสิคัล (Physical sunscreen) ซึ่งครีมกันแดดแบบเคมีคัล จะทำหน้าที่ในการดูดซับรังสียูวีไม่ให้ซึมผ่านผิวหนัง ส่วนครีมกันแดดแบบฟิสสิคัล จะทำหน้าที่สะท้อนรังสียูวีออกไปจากผิวหนัง นอกจากความแตกต่างตรงนี้แล้ว ครีมกันแดด แต่ละชนิดก็ยังมีส่วนผสมที่ต่างกัน มี ค่าSPF ที่ต่างกันอีกด้วย

ควรทาครีมกันแดดเมื่อจะออกจากบ้านเท่านั้น

ถ้าไม่ออกจากบ้าน ไม่ได้อยู่ชายหาด ก็คงจะไม่ต้องทาครีมกันแดดให้เปลืองหรอก นี่เป็นอีกความเชื่อที่ผิด และผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า รังสีจากแสงแดดสามารถที่จะสัมผัสกับผิวของคนเราได้ แม้ว่าจะอยู่ในรถ นั่งอยู่ริมหน้าต่างบ้านก็ตาม แต่รังสียังคงสามารถแผ่เข้ามาถึงผิวหนังของคนเราได้อยู่ดี ดังนั้น ครีมกันแดด จึงควรที่จะทาทุกวัน และทาทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือออกจากบ้านก็ตาม และไม่ว่าวันนั้นจะแดดจ้า หรือไม่มีแดดก็ตาม เพราะถึงจะเป็นวันที่มีเมฆมาก แต่ผิวหนังยังมีโอกาสที่จะได้รับรังสียูวีอยู่เช่นเดิม

ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เท่ากับปกป้องผิวได้นาน

ผู้เชี่ยวชาญให้คำตอบสำหรับความเข้าใจผิดนี้ว่าไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าจะมีค่า SPF เท่าใด ก็ไม่ได้ให้การปกป้องที่ยาวนานแตกต่างกัน เลิกยึดติดกับค่าของ SPFแต่ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และควรทาครีมกันแดดเพิ่มในทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องผิว

ไม่ต้องทาครีมกันแดดที่ดวงตาและริมฝีปาก

มีจุดสำคัญบางจุดที่หลายคนอาจจะลืมนึกถึงเมื่อทา ครีมกันแดด นั่นคือบริเวณดวงตาและริมฝีปาก ทั้งสองจุดล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่มีความบอบบาง และเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายหากได้รับรังสี ดังนั้นทุกครั้งที่ทาครีมกันแดด อย่าลืมที่จะทาบริเวณเปลือกตาด้วย ส่วนริมฝีปาก ควรเลือกลิปมัน ลิปกลอส หรือลิปบาล์มที่มีค่าSPF 15 หรือสูงกว่า เพื่อให้จุดอ่อนโยนทั้งสองจุดนี้ได้รับการปกป้องอย่างทั่วถึง 

ไม่ทาครีมกันแดดซ้ำ

โดยเฉพาะกับครีมกันแดดที่กันน้ำ มีบางคนที่มองว่าไม่จำเป็นต้องทาซ้ำๆ แต่ ครีมกันแดด ไม่ใช่พรวิเศษจากพระเจ้า ครีมกันแดดมีกำหนดระยะเวลาในการปกป้องผิวที่ 40-80 นาที จึงควรมีการทาครีมกันแดดในทุก ๆ 2 ชั่วโมง และแม้ว่าจะใช้ครีมกันแดดที่มีความสามารถในการกันน้ำ แต่หลังจากว่ายน้ำหรือเหงื่อออกก็ควรที่จะต้องทาครีมกันแดดซ้ำอยู่เหมือนเดิม

ไม่ทาหรือนวดผิวเมื่อใช้กันแดดแบบสเปรย์

การใช้กันแดดแบบสเปรย์ แม้จะสะดวก และใช้งานง่าย แต่อาจไม่ได้ให้การปกป้องที่ทั่วถึง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรฉีดกันแดดไปที่มือแล้วจึงถูที่มือก่อนจะชะโลมทาไปตามผิวหนัง หรือหากฉีดที่ผิวหนังก็ควรมีการทาหรือชะโลมกันแดดให้ทั่วทั้งบริเวณผิว เพื่อให้ผิวหนังได้รับการปกป้องอย่างครบถ้วน

ทาครีมกันแดดหลังจากใส่เสื้อผ้าแล้ว

หากต้องการปกป้องผิวจากแสงแดดที่บริเวณแขน ขา หรือลำคอ การทาครีมกันแดดหลังจากใส่เสื้อผ้าก็ฟังดูสมเหตุสมผล แต่ต้องไม่ลืมว่า ไม่ใช่แค่อวัยวะส่วนนั้นที่จะได้รับผลกระทบจากรังสียูวี อวัยวะอื่นๆ ในร่มผ้าก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการปกป้องด้วยเช่นกัน ดังนั้น การทาครีมกันแดดก่อนสวมเสื้อผ้า จึงเป็นวิธีที่ดีและเหมาะสม เพื่อให้ผิวหนังทุกส่วนได้รับการปกป้องอย่างทั่วถึง

ไม่อ่านฉลากของครีมกันแดด

จุดเริ่มต้นของการใช้ ครีมกันแดด ที่ถูกวิธี เริ่มจากก้าวแรกที่เอื้อมไปหยิบครีมกันแดดออกจากชั้นสินค้า ดังที่ได้กล่าวไปว่า ครีมกันแดดมีหลายชนิด และครีมกันแดดแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกัน ทั้งส่วนผสม ปริมาณ ค่าSPF วันที่ผลิตและวันหมดอายุ รวมถึงความแตกต่างในเรื่องของการป้องกัน UVAและUVB เนื่องจากครีมกันแดดบางชนิดป้องกันแต่UVB แต่ไม่ป้องกันUVA ซึ่งครีมกันแดดที่ดีควรจะต้องป้องกันทั้งสองอย่าง ดังนั้น เพื่อให้ได้ครีมกันแดดที่ดีและเหมาะกับการใช้งาน จึงไม่ควรมองข้ามการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ทุกครั้ง

ใช้ครีมกันแดดน้อยเกินไป

ผลการศึกษาพบว่า คนทั่วไปมักจะใช้ ครีมกันแดด แค่เพียง 20-50 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณครีมกันแดดที่ควรใช้ ซึ่งการทาครีมกันแดดที่น้อยเกินไป จะทำให้ผิวหนังไม่ได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่และทั่วถึง

อ้างอิง : https://hellokhunmor.com/